|
เมืองไทยกำลังเปลี่ยนไปเป็นสังคมผู้สูงอายุ ( Aging society ) ภายใน 20 ปีข้างหน้า 1 ใน 5 ของประชากรไทยจะมีอายุ 60 ปี ขึ้นไป และเราทุกคนรู้ว่ารัฐบาลไม่มีทางที่จะดูแลคนชราเหล่านี้ได้ทั่วถึงแน่ |
วิธีที่ดีที่สุดที่ทุกประเทศใช้กันคือ ส่งเสริมให้ประชาชนช่วยเหลือตนเอง และหนึ่งในวิธีการนั้นคือ การสนับสนุนให้เขาซื้อกรมธรรม์บำนาญเพื่อเขาจะได้มีเงินเลี้ยงดูหลังเกษียณไปตลอดชีวิต
กรมธรรม์บำนาญ ( Annuity ) เป็นสัญญาทางการเงินในรูปของกรมธรรม์ประกันภัย ที่ผู้ขายซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันชีวิต ทำข้อตกลงจะจ่ายเงินงวดในอนาคตให้แก่ผู้รับบำนาญ ( annuitant ) เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เขาต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวทันที หรือ เบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอหลายๆงวดให้บริษัท ก่อนที่เขาจะได้รับเงินรายได้เป็นรายเดือน, รายสามเดือน, รายหกเดือนหรือรายปีไปตลอดชีวิต หรือตามจำนวนปีที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
หากเป็นกรมธรรม์บำนาญแบบตลอดชีพ ( Lifetime Annuity ) เงินรายงวดที่จ่ายจากบริษัทไปยังลูกค้านั้นไม่มีการจำกัดกรอบเวลา ขึ้นกับอายุขัยของลูกค้าเป็นหลัก ยิ่งอายุยืน ยิ่งรับเงินมากงวดขึ้น แต่สัญญาจะสิ้นสุดลงเมื่อลูกค้าเสียชีวิต หากมีเงินสะสมเหลืออยู่ ส่วนที่เหลือนี้จะถูกริบเข้ากองกลางเพื่อนำไปเป็นทุนสะสมให้สมาชิกคนอื่นต่อไป (คล้ายกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์) เว้นแต่จะมีผู้รับบำนาญร่วมหรือมีผู้รับประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
กรมธรรม์บำนาญจึงเป็นการประกันการทรงชีพ ( longevity insurance ) ซึ่งความไม่แน่นอนของช่วงชีวิตบุคคลจะถูกโอนความเสี่ยงไปยังบริษัท และบริษัทจะใช้ชีวิตของลูกค้าจำนวนมาก มากระจายความเสี่ยง กรมธรรม์แบบนี้จึงควรซื้อไว้เพื่อที่เราจะยังคงมีรายได้หลังเกษียณอายุ
ระยะของกรมธรรม์ โดยทั่วไป มี 2 ช่วง
1. ช่วงสะสม ( Accumulation phase ) เป็นช่วงที่ลูกค้าฝากและสะสมเงินออมในบัญชีของตนในบริษัทประกันชีวิต
2. ช่วงรับบำนาญ ( Annuitization phase หรือ Distribution phase ) เป็นช่วงที่บริษัทประกันจ่ายเงินได้ประจำให้ลูกค้าที่ระบุไว้ในกรมธรรม์จนกว่าจะเสียชีวิตหรือตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้
อย่างไรก็ตาม เราอาจสร้างกรมธรรม์ที่มีแต่ระยะรับบำนาญ โดยการใส่เงินเข้าไปก้อนใหญ่ครั้งเดียว ( single premium) แล้วขอรับบำนาญภายใน 1 ปี กรมธรรม์แบบนี้จะเรียกว่า Immediate annuity ซึ่งจะช่วยรองรับผู้สูงอายุที่ได้รับเงินก้อนโต ณ วันเกษียณ เช่นเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ , เงินจากกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) หรือเงินบำเหน็จราชการ โดยให้เขานำเงินที่ได้นี้ มาซื้อกรมธรรม์บำนาญ แล้วกรมธรรม์จะทำหน้าที่จ่ายเงินให้ใช้ แทนค่าจ้างเดิมไปจนวันสุดท้ายของชีวิต กรมธรรม์แบบนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศสหรัฐอเมริกา
แต่ถ้าเรายังไม่พร้อม ยังไม่มีเงินก้อน จะใช้วิธีค่อยๆจ่ายเบี้ยประกันสะสมเข้าไปเรื่อยๆ จนเมื่อมีเงินมากพอแล้วค่อยรับบำนาญ หรือใครจะเริ่มจากการจ่ายเงินก้อนโตเข้าไปครั้งเดียว แต่เราอาจรู้สึกว่ามันยังไม่มากพอ จะขอฝากเงินไว้ให้เขาบริหารลงทุนไปก่อน จนเมื่อมีขนาดพอสมควรแล้ว ค่อยมารับบำนาญ กรมธรรม์แบบนี้จะเรียกว่า Deferred Annuity
หรือในกรณีที่เรามีเงินก้อนโต แต่อายุเรายังไม่ถึงเกณฑ์ที่เขากำหนดว่าเป็นวัยเกษียณ จะฝากเงินเก็บไว้ที่บริษัทประกันจนถึงอายุที่กำหนดแล้วค่อยรับบำนาญ ก็เรียกกรมธรรม์นี้ว่า Deferred Annuity เหมือนกัน โดยเงินโตนี้อาจมาจากมรดก, เงินจากการขายอสังหาริมทรัพย์ หรือเงินครบสัญญากรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ก็ได้
ชนิดของกรมธรรม์บำนาญ
ในสหรัฐและยุโรปที่มีกรมธรรม์บำนาญขายมาช้านานแล้ว พบว่ามีกรมธรรม์ชนิดต่างๆให้เลือกมากมาย บางแบบเรียกตามอัตราผลประโยชน์ที่ได้รับ บางแบบเรียกตามระยะเวลาที่รับบำนาญ ขณะที่บางแบบใช้จำนวนผู้รับหรือสุขภาพของผู้รับมาเป็นชื่อเรียก โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะใช้เงื่อนไขต่างๆเหล่านี้มาผสมรวมกันในกรมธรรม์ฉบับเดียวกันก็ได้
กรมธรรม์บำนาญ สามารถแบ่งเป็นชนิดต่างๆได้ดังนี้
1. กรมธรรม์แบบคงที่และแบบแปรผัน ( Fixed and Variable annuities )
กรมธรรม์ที่จ่ายเงินบำนาญแบบคงที่ตั้งแต่งวดแรกไปจนวันสุดท้ายของชีวิต เราเรียกกรมธรรม์แบบนี้ว่ากรมธรรม์บำนาญแบบคงที่ ( Fixed annuities ) ซึ่งหากลูกค้ามีอายุยืนมากๆหรือกรณีที่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงนานๆ จะมีผลให้กำลังซื้อของผู้รับบำนาญลดลงในอนาคต จึงมีกรมธรรม์ชนิดที่จ่ายเงินในจำนวนที่เพิ่มขึ้นทุกปีเช่น 3% หรือเพิ่มขึ้นตามเปอร์เซ็นต์ของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยให้เรามีกำลังซื้อเท่าเดิม แต่ต้องแลกกับการที่เงินบำนาญงวดแรกที่ได้รับ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับกรมธรรม์แบบคงที่ทั่วไป ยิ่งเรากำหนดให้เงินงวดเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงมาก เงินบำนาญที่จ่ายออกมางวดแรกยิ่งต่ำลง กรมธรรม์แบบนี้เรียกว่า Escalation Annuities
ขณะที่กรมธรรม์บำนาญแบบแปรผัน ( Variable annuities ) จะจ่ายเงินที่ขึ้นลงตามผลประกอบการจากการลงทุน ซึ่งโดยมากมักจะเป็นการลงทุนในพันธบัตร หุ้นกู้ และกองทุนรวมต่างๆ กรมธรรม์บำนาญแบบแปรผันนี้ บางอย่างมีการรับประกันเงินงวดขั้นต่ำ ขณะที่บางอย่างไม่มีการรับประกันเลย แต่ชนิดที่มีการรับประกันจะได้รับความนิยมมากกว่า
2. กรมธรรม์บำนาญแบบรับประกันจำนวนปี ( Guaranteed annuities )
จุดอ่อนอย่างหนึ่งของกรมธรรม์บำนาญดั้งเดิม คือถ้าผู้รับเงินบำนาญเกิดเสียชีวิตก่อนที่จะได้ใช้เงินเท่ากับยอดเงินที่ตนสะสมไว้ เงินงวดที่เหลือจะถูกริบเข้ากองกลางเพื่อเป็นกองทุนหมุนเวียนให้สมาชิกผู้รับบำนาญที่เหลือ
จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่จะมีกรมธรรม์แบบรับประกันจำนวนปีขั้นต่ำ ที่บริษัทผู้รับประกันจะต้องจ่ายเงินบำนาญอย่างน้อยในจำนวนปีที่แน่นอน เช่น 5 ปี หรือ 10 ปี หากผู้เอาประกันอยู่รับเงินครบตามระยะเวลาดังกล่าว เขายังคงสิทธิที่จะอยู่รับเงินบำนาญไปเรื่อยๆจนกว่าจะเสียชีวิต แต่ถ้าเกิดเขาเสียชีวิตก่อนช่วงเวลาที่กำหนด คู่สมรสหรือกองมรดกของเขาจะมีสิทธิเข้ารับเงินส่วนที่เหลือ(ของ 5 ปี หรือ 10 ปีที่รับประกันไว้)
แต่การตัดสินใจที่จะเลือกเป็นกรมธรรม์แบบที่รับประกันจำนวนปีนั้น ต้องแลกกับการที่จะได้รับเงินงวดน้อยลง เช่น ชายอายุ 65 ปี หากเลือกกรมธรรม์ที่มีระยะเวลารับประกัน 5 ปี จะได้รับบำนาญน้อยกว่าแบบที่ไม่มีระยะเวลารับประกัน 2% และหากให้บริษัทรับประกันขั้นต่ำถึง 10 ปี จะได้รับเงินบำนาญน้อยกว่าแบบทั่วไปถึง 6%
3. กรมธรรม์บำนาญแบบคู่ชีวิต (Joint annuities or Partners Pension )
เป็นกรมธรรม์ที่จะจ่ายเงินบำนาญให้ไปตลอดชีวิตของผู้รับสองคน ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นคู่สามี-ภรรยา โดยหากผู้รับบำนาญคนแรกเสียชีวิตไปแล้ว คนที่เหลือจะยังคงได้รับบำนาญต่อไปตลอดชีวิต การจ่ายเงินยังคงดำเนินต่อไปในจำนวนเท่าเดิมหรืออาจจะลดลง ขึ้นกับเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ในบางประเทศให้สามารถใช้ได้กับคู่รักที่เป็นเพศเดียวกันได้ หรืออาจหมายถึงคนที่บริษัทประกันเชื่อว่ายังต้องพึ่งพาผู้รับบำนาญคนแรกในวันที่เขาจากไป
4. กรมธรรม์บำนาญสำหรับผู้มีโรคประจำตัว ( Impaired life annuities )
ปัจจุบันได้เริ่มมีการออกกรมธรรม์บำนาญเพื่อรองรับผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืดเรื้อรัง หรือโรคมะเร็งบางชนิด โดยหากลูกค้ามีรายงานของแพทย์เข้ามายืนยันการเจ็บป่วย บริษัทจะจ่ายเงินรายงวดก้อนใหญ่ขึ้น เพราะคาดว่าลูกค้าจะอยู่รับเงินได้ไม่นาน กรมธรรม์แบบนี้จะต้องซื้อผ่านที่ปรึกษาการเงินหรือตัวแทนประกันชีวิตเท่านั้น
5. กรมธรรม์บำนาญแบบเพิ่มพูน ( Enhanced Annuities )
เป็นกรมธรรม์ที่โดยทั่วไปจะขายให้ลูกค้าที่สูบบุหรี่เป็นประจำ แต่อาจขายให้คนที่มีน้ำหนักมาก หรือคนที่ทำงานในเหมืองนานๆก็ได้ โดยบริษัทจะขอรายงานแพทย์เพื่อยืนยันความถูกต้อง ถ้าบริษัทอนุมัติ เงินงวดที่ได้รับในอนาคตจะสูงกว่าบำนาญทั่วไป เพราะบริษัทคาดว่าจะจ่ายเงินให้เราช่วงสั้นกว่าคนทั่วไป
6. กรมธรรม์บำนาญแบบคุ้มครองเงินต้น ( Capital Protected Annuities )
เป็นกรมธรรม์แบบที่ถ้าคุณจากไปก่อนอายุ 75 ปี จะมีเงินก้อนหนึ่งจ่ายให้ผู้รับประโยชน์ของคุณ เงินก้อนนี้จะเท่ากับเงินที่คุณสะสมไว้ หักด้วยเงินบำนาญทั้งหมดที่คุณรับไปแล้ว
จะเห็นได้ว่า กรมธรรม์บำนาญได้มีการออกแบบมามากมาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ดังนั้นก่อนซื้อกรมธรรม์ต้องศึกษาและอ่านเงื่อนไขของกรมธรรม์แต่ละแบบให้ดีเสียก่อน
วิธีคำนวณเงินบำนาญที่จะได้รับ
ขนาดของเงินงวดที่จะได้รับในอนาคตขึ้นกับ 2 ปัจจัย คือ
1. ขนาดของเงินสะสม ( The pot )
2. อัตราบำนาญ ( Annuity rate )
โดยสามารถคำนวณได้จากสูตรต่อไปนี้
Annuity = Value of fund x Annuity rate
อัตราบำนาญถูกคิดคำนวณโดยนักคณิตศาสตร์ประกันภัย ซึ่งใช้ปัจจัยหลายอย่างมาคำนวณ เช่น อัตรามรณะ อัตราดอกเบี้ย อายุ เพศและสุขภาพ โดยทั่วไป อัตราจะยิ่งสูงถ้าลูกค้ายิ่งมีอายุมาก เพราะช่วงอายุในอนาคตเหลือน้อยกว่า ขณะเดียวกัน อัตราของผู้ชายจะสูงกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายมีอายุสั้นกว่าผู้หญิง
นอกจากนี้หากเราเลือกเงื่อนไขพิเศษเพิ่มขึ้น เช่น ขอปรับเงินบำนาญตามเงินเฟ้อ, ขอให้รับประกันระยะเวลาจ่ายขั้นต่ำ หรือขอให้จ่ายให้คู่สมรสด้วยหลังการเสียชีวิตของคนแรก มันจะทำให้เงินบำนาญลดลง
ข้อดีของการซื้อกรมธรรม์บำนาญ
1. มีหลักประกันว่าเราจะมีเงินใช้ยามเกษียณแน่นอน
2. รับประกันผลตอบแทนที่ได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการลงทุนในอนาคต
3. เป็นการจัดสรรเงินที่เป็นระบบ เชื่อถือได้
4. ได้รับการสนับสนุนจากรัฐโดยการลดหย่อนภาษีให้
5. เป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข ทุกคนยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินกองกลาง
6. สบายใจว่าคู่สมรสของเรามีเงินเลี้ยงดู แม้เราจะไม่อยู่แล้ว
7. ช่วยลดภาระของรัฐในระยะยาว
ข้ออ่อนของกรมธรรม์บำนาญ
1. เมื่อเริ่มรับเงินบำนาญแล้ว ยกเลิกไม่ได้
2. หากยกเลิกในช่วงสะสมเงิน อาจถูกคิดค่าธรรมเนียม 7% - 20%ของเงินที่สะสมไป
3. กรณีผู้ซื้อมีอายุสั้น อาจทำให้ได้รับเงินบำนาญคืนน้อยกว่าที่จ่ายออกไป
4. อัตราเงินเฟ้ออาจทำให้เงินที่ได้ในอนาคตมีกำลังซื้อลดลง อาจจะไม่สะดวกสบายอย่างที่คาดหวังไว้
5. ต้องสะสมเงินเป็นเวลายาวนานกว่าจะได้ใช้เงิน ( อย่างต่ำต้องรอถึงอายุ 55 ปี )
เมื่อไรที่เราควรตัดสินใจซื้อกรมธรรม์บำนาญ
ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ในทศวรรษที่ผ่านมา จะพบว่าผู้ที่ตัดสินใจล่าช้ามักเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ ไม่เพียงแต่จะมาจากการที่อัตราการจ่ายบำนาญลดลงเพราะคนอายุยืนขึ้น แต่ยังมาจากผลตอบแทนการลงทุนที่ลดน้อยลง จากความล่าช้าในการเริ่มต้นลงทุน
บทสรุป
ปัจจุบันนี้ กรมธรรม์บำนาญกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในอังกฤษและอเมริกา มีข้อมูลว่าเงินเกษียณอายุของประชาชนชาวอเมริกัน มาจากกรมธรรม์แบบบำนาญถึง 15% ดังนั้น จึงเชื่อว่าประชาชนในประเทศต่างๆจะพากันเลียนแบบ และนิยมกรมธรรม์บำนาญกันอย่างแพร่หลาย
รัฐบาลไทยควรฉวยโอกาสนี้ รณรงค์ให้ประชาชนซื้อกรมธรรม์บำนาญไว้ให้มากที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระของรัฐบาล โดยการอนุมัติให้ลดหย่อนภาษีเงินออมส่วนนี้ได้ เชื่อว่ากองทุนบำนาญนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะเป็นทั้งหลักประกันและเงินออมของประเทศในอนาคต
แหล่งข้อมูล Wikipedia , Investopedia, UK-annuity.com และ CNNMoney.com
หมายเหตุ ชื่อเรียกคำต่างๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากปัจจุบันยังไม่ได้มีการบัญญัติศัพท์ที่ใช้เรียกชื่อ กรมธรรม์บำนาญแบบต่างๆของไทย อย่างเป็นทางการ