ReadyPlanet.com
dot dot
dot
วางแผนการเงิน
dot
bulletทำไมต้องวางแผนการเงิน
dot
วางแผนเกษียณอายุ
dot
bulletวางแผนเกษียณอย่างง่าย
dot
วางแผนภาษีอากร
dot
bulletทำไมต้องวางแผนภาษี
bulletเทคนิควางแผนภาษีส่วนบุคคล
bulletเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี
bulletค่าใช้จ่ายของแต่ละอาชีพ
bulletสิทธิหักลดหย่อนภาษี
bulletวิธีคำนวณภาษีบุคคลธรรมดา
dot
วางแผนการลงทุน
dot
bulletข้อคิดก่อนลงทุน
bulletการจัดพอร์ตลงทุน
dot
วางแผนการประกัน
dot
bulletหลักพื้นฐานการประกันภัย
bulletประกันชีวิตเท่าไรถึงพอ
dot
Newsletter

dot




ทำไม หุ้นจึงพุ่ง สวนทางม็อบ article

นายวอร์เร็น บัฟเฟตต์  เคยกล่าวไว้ว่า  “จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกระหาย  แต่จงกระหายเมื่อคนอื่นตื่นกลัว” 
      เป็นที่ทราบกันดีว่า  การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  มีปัจจัยเรื่องจิตวิทยาฝูงชนเข้ามาเกี่ยวข้อง  หากใครมีใจไม่หนักแน่นพอ  ไม่สามารถแยกแยะระหว่างปัญหาที่มีผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน  กับปัญหาที่เป็นเพียงความวิตกกังวล  ก็มักตกเป็นเหยื่อของเกมการเงินในตลาดหุ้นได้
      ในระยะ 1 เดือนที่ผ่านมา  ตลาดหุ้นไทยพุ่งทะยานสวนทางความร้อนแรงทางการเมือง  สาเหตุหลักมาจากนักลงทุนต่างประเทศโยกเงินเข้ามาซื้อหุ้นและเก็งกำไรค่าเงิน  ถามว่า  ทั้งที่สถานการณ์การเมืองของไทยยังคุกรุ่นอยู่อย่างนี้  แล้วทำไม  ฝรั่งจึงทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน
      ในฐานะที่ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นมานานพอสมควร  อีกทั้งยังต้องให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนการเงินกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ  ขอแลกเปลี่ยนความเห็นในปริศนาเรื่องนี้ ดังนี้

     1. เศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว
     นับจากวันที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของปี 2552 ว่าเติบโตถึง 5.8% นั้น  เงินลงทุนของต่างชาติก็ไหลบ่าเข้ามาซื้อหุ้นทุกวันๆละไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท  สำนักข่าวต่างประเทศต่างวิเคราะห์ว่า  ตัวเลข GDP ที่เติบโตระดับนี้  ต้องถือว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้ว
     นอกจากนี้  การที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ไทยออกมาประกาศว่า  ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 42%  และเติบโตกระจายในทุกกลุ่มธุรกิจ  ย่อมเป็นสิ่งยืนยันว่า  ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงฟื้นแล้ว
     ดังนั้น  การที่ตลาดหุ้นไทยเคยถูกมองข้ามจากนักลงทุนต่างประเทศ  เพราะกังวลในเรื่องการเมือง  แต่เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจถูกประกาศออกมาตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่มี  หุ้นไทยที่เคยมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรเป็น  จึงกลับมาร้อนแรง ( outperform ) อีกครั้ง

     2. เศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 65%
     พวกเราคงทราบดีว่ามูลค่า  GDP ของไทยมาจากการส่งออกถึง 65%   ดังนั้นตราบใดที่การชุมนุมต่างๆไม่กระทบต่อการผลิตของโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออก   ตราบนั้นเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อไปได้  กลายเป็นว่า ทุกวันนี้ GDP ของเราขึ้นกับการผลิตเพื่อส่งออกมากกว่าการบริโภคภายในประเทศ
      ผมรู้สึกว่า  ในระยะหลังนักลงทุนต่างประเทศคงได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า  ปีที่แล้ว  ทั้งที่เรามีความวุ่นวายทางการเมืองถึงขึ้นขีดสุด  เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี  ยังฟื้นขึ้นมาบวกได้ 5.8%  สิ่งที่เกิดคงคล้ายกับประเทศเกาหลี  เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว  ที่เราได้ข่าวว่าคนงานของเขาประท้วงปิดถนนทุกสัปดาห์  แต่เศรษฐกิจของเขายังโต  ในระดับที่คนทั่วโลกต้องหันไปมอง
      ดังนั้น  เมื่อฝรั่งเห็นว่า  การชุมนุมรอบนี้  คงไม่มีความรุนแรงถึงขั้นนองเลือด  เป็นการชุมนุมในกรอบประชาธิปไตย  เขาจึงกล้าทุ่มเงินซื้อแบบไม่กลัวไฟ

     3. ดอลลาร์อ่อน   จูงใจให้เก็งกำไรบาท
      ก่อนหน้านี้สัก 2 เดือน  มีข่าวหนี้สาธารณะของประเทศในแถบยุโรปพุ่งสูง  ทำให้เงินยูโรอ่อนตัว  ดอลลาร์แข็งค่า  แต่เมื่อมีข่าวว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ( IMF )และสหภาพยุโรปพร้อมให้การช่วยเหลือประเทศกรีกและอีก 2-3 ประเทศที่มีปัญหา  เงินยูโรจึงกลับมาข็งค่ากดดันเงินดอลลาร์ให้อ่อนลง  ด้วยนักลงทุนเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า  เศรษฐกิจสหรัฐคงไม่สามารถจะฟื้นตัวสู่ภาวะปรกติได้ในระยะเวลาอันสั้น
      นักลงทุนสถาบันระดับโลกจึงตัดสินใจทิ้งเงินดอลลาร์ชั่วคราว  เพื่อมาเก็งกำไรค่าเงินเอเชีย  หวังได้กำไรสองต่อ  ทั้งจากราคาสินทรัพย์และกำไรค่าเงิน  ยิ่งมีข่าวธนาคารกลางสหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของตนต่อไป  ข่าวนี้ยิ่งไปกระตุ้นให้นักลงทุนสถาบันบางส่วน  เพิ่มการทำธุรกรรม Dollar Carry Trade กู้เงินดอลลาร์ด้วยดอกเบี้ยต่ำ  แล้วนำมาแลกเป็นเงินสัญชาติอื่นเพื่อเก็งกำไร

     4. สัญญานทางเทคนิคส่งสัญญานซื้อ
     นักลงทุนจำนวนมากรวมถึงนักลงทุนสถาบันบางส่วนใช้สัญญานทางเทคนิคเป็นเครื่องมือในการกำหนดจุดซื้อจุดขาย   เมื่อมีแรงซื้อจำนวนมากเข้ามา  สัญญานทางเทคนิคจะพุ่งขึ้นส่งสัญญานซื้อ  ไม่ว่า MACD หรือ RSI  นักลงทุนเหล่านี้จึงใช้เป็นเครื่องมือตัดสินใจ  ทุ่มเงินเข้าผสมโรงซื้อทันที

      5. กองทุนรวมรอจังหวะซื้อมานานแล้ว
     ตามปรกติช่วงปลายปี  จะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าไปลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ  ไม่ว่า RMF, LTF หรือซื้อประกันชีวิต  เพื่อหวังผลเรื่องลดหย่อนภาษี  แต่ฝ่ายลงทุนของกองทุนเหล่านี้ยังไม่แน่ใจในภาวะตลาด  โดยเฉพาะช่วงที่มีการตัดสินคดียึดทรัพย์  จึงขอเก็บเงินสดกันไว้จำนวนหนึ่ง  เพื่อรอซื้อหุ้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
      แต่เมื่อเห็นฝรั่งชิงตัดหน้าซื้อหุ้น  ด้วยความกลัวว่าจะตกรถ  ฝ่ายลงทุนเหล่านี้จึงต้องไล่ซื้อหุ้นบ้างโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มบลูชิป
    “จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกระหาย  แต่จงกระหายเมื่อคนอื่นตื่นกลัว”  นายวอร์เร็น บัฟเฟตต์

      จากปัจจัยหลายๆข้อข้างต้น  ทำให้มีแรงซื้อที่หนุนเนื่องเข้ามา  ผลักดันให้ดัชนีหุ้นขึ้นอย่างหนักแน่น  เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ผมนึกถึงคำพูดของกูรูนักลงทุนชื่อก้องโลก นายวอร์เร็น บัฟเฟตต์  ที่กล่าวว่า  “จงตื่นกลัวเมื่อคนอื่นกระหาย  แต่จงกระหายเมื่อคนอื่นตื่นกลัว” 
     หวังว่ามันคงจะอธิบายวิธีคิดของนักลงทุนฝรั่งที่เข้ามากว้านเก็บหุ้นรอบนี้ได้นะครับ  สวัสดี




บทความน่าสน

Domain names for sale article
ขุมทรัพย์ในกรมธรรม์
ทองคำ ฤาจะหมดมนต์ขลัง
Dollar Carry Trade แผลงฤทธิ์
กรมธรรม์บำนาญ เรื่องใกล้ตัวที่คุณควรรู้ article
ฝรั่งทิ้งหุ้นกว่า 5 หมื่นล้าน ทำไมหุ้นไทยถึงไม่ลง(มาก) article
ทำไม ทองยังคงทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ article
เฟดขึ้นดอกเบี้ย มั่นใจพ้นจุดต่ำสุด article
5 ศตวรรษของฟองสบู่โลก
บริจาคอย่างไร หักภาษีได้ 2 เท่า
ทำไม ราคาทองคำจึงพุ่งไม่หยุด
MACD สาเหตุที่แท้จริงในตลาดหุ้น
เงินรองรัง เท่าไรถึงพอ
นักลงทุนทิ้งเงินดอลลาร์ มุ่งลงทุนสินทรัพย์อื่น
เงินที่หล่นหาย
สมาคมตัวแทนเตรียมจัดงานสัมมนาระดับโลก
5 คำแนะนำในการซื้อบ้านที่ถูกยึด
พันธบัตร 10 ปีของสหรัฐ พุ่งแตะ 3.71%
วิกฤตการเงินระลอกสอง article
AIG ถึงคราวต้องล้ม ?
เงินสิบบาท
ช่วยด้วย ฉันซื้อประกันไว้กับ AIG
ช่วยใช้เงินหน่อย
เตือนรัฐรับวิกฤติผู้สูงอายุ
ข่าวดีและข่าวร้ายจากเฟด
CDS ดินระเบิดวิกฤติปี 2008 article
สัญญาเพิ่มเติมในประกันชีวิต หักภาษีไม่ได้แล้ว
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าฟองสบู่อเมริกาแตก
มาวางแผนเกษียณอายุกันเถอะ article
วิธีเป็นเศรษฐีเงินล้าน article
หลักทรัพย์ที่ควรร้จัก
สปส.ปรับเพิ่มเงินบำนาญชราภาพ article
AIG มาถึงวันนี้ได้อย่างไร



Copyright © 2010 All Rights Reserved.