การวางแผนภาษี คือ การกำหนดแนวทางปฎิบัติในการเสียภาษี เพื่อให้เสียภาษีได้อย่างถูกต้อง และสามารถประหยัดภาษีได้สูงสุด
ทำไมต้องมีการวางแผนภาษี
1. เพื่อให้เสียภาษีได้อย่างถูกต้อง
2. เพื่อป้องกันโทษ และความรับผิดจากการเสียภาษีที่ผิดพลาด
3. เพื่อให้ได้รูปแบบแนวทางที่ประหยัดภาษีสูงสุด
4. ช่วยลดต้นทุนทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. เพื่อรักษาความมั่งคั่งของผู้เสียภาษี
ประเภทของภาษีอากร
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ
5. ภาษีศุลกากร
6. ภาษีสรรพสามิต
7. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
8. ภาษีบำรุงท้องที่
9. ภาษีป้าย
10. ค่าธรรมเนียม
11. อากรแสตมป์
ภาษีอากรแต่ละประเภทมีอัตราและวิธีปฎิบัติในการเสียภาษีต่างกัน ผู้มีหน้าที่เสียภาษีจึงต้องศึกษารายละเอียดของภาษีอากรแต่ละประเภท เพื่อให้การเสียภาษีของเราได้รับประโยชน์สูงสุด
ประเภทของผู้เสียภาษี
1. ประเภทบุคคลธรรมดา
กฎหมายกำหนดให้นำรายได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนต่างๆแล้ว มาเป็นฐานในการคำนวนภาษี โดยใช้เกณฑ์เงินสด ( cash basis) เป็นตัวตั้ง ขณะที่อัตราภาษีใช้อัตราก้าวหน้า
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้แก่
1. บุคคลธรรมดา
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญ
3. คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
4. ผู้ถึงแก่ความตายในระหว่าปีภาษี
5. กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง
2. ประเภทนิติบุคคล
โดยทั่วไปกำหนดให้เก็บภาษีจากกำไรสุทธิ โดยเก็บรอบระยะเวลาบัญชีละ 2 ครั้ง เสียภาษีในอัตราคงที่ 30% เว้นแต่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน หรือกฎหมายกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น กำไรที่เกิดขึ้นนี้ใช้เกณฑ์สิทธิ หรือเกณฑ์ในการรับรู้รายได้ทันที เมื่อมีการขายหรือการให้บริการ
โดยไม่คำนึงว่าจะมีการชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการหรือไม่
ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แก่
1. บริษัทจำกัด
2. บริษัทมหาชนจำกัด
3. ห้างหุ้นส่วนจำกัด
4. ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
5. กิจการร่วมค้า ( join venture )
6. มูลนิธิหรือสมาคม
ผู้เสียภาษีแต่ละประเภท ยังแบ่งย่อยลงไปเป็น องค์กรธุรกิจ หรืออาชีพ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละธุรกิจแต่ละอาชีพ มีอัตราภาษี ค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนที่แตกต่างกัน ผู้มีเงินได้ จึงควรศึกษาแต่ละธุรกิจ แต่ละอาชีพให้ถ่องแท้ก่อนจะดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษี นำไปสู่การได้เปรียบทางต้นทุนเพื่อประโยชน์ในการแข่งขันในที่สุด
ผลกระทบจากการวางแผนภาษีที่ผิดพลาด
1. ต้องเสียภาษีเพิ่มเติม
2. ต้องเสียเบี้ยปรับ
3. ต้องเสียเงินเพิ่ม ( ดอกเบี้ยของข้อ 1. และ 2. )
4. ต้องรับโทษทางอาญา ( ปรับ , จำคุก )
5. อาจถึงขั้นสูญเสียธุรกิจที่สร้างสมมา